ทำไม ต้องส่งกลับ?.... กรณีนักท่องเที่ยวเอาก้อนหินจากเกาะหินงาม อุทยานแห่งชาติตารุเตา
กลับบ้าน แล้วเจออาถรรพ์ต่างๆนาๆ. คุณคิดว่าอาถรรพ์ไม่สามาถเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลติดตามไปถึงบ้านใช่มั้ย.. คุณคิดผิด !
ผมขออธิบายแบบนี้ครับ เรื่องของวัตถุมวลสารไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของเหลว ก๊าซและของแข็ง มันก็คือสื่อนำสารดีๆนี่เอง สารในที่นี้ก็คล้ายกับ เอกสาร โทรสาร ข้อความ จดหมายอะไรประมาณนี้และในที่นี้ก็รวมถึง...คำสาป.. ถามว่าแล้วสารพวกนี้สามาถเข้าไปอยู่ในสื่อวัตถุได้อย่างไร..อันนี้มีบันทึกมาหลายพันปี ว่าด้วยเรื่องพลังงานที่เดินทางผ่านวัตถุเช่น หินนำโชค แร่ธาตุอัญมณีต่างๆ หรือไกล้ตัวเราที่สุดก็เรื่องการเสกตะปูเข้าท้องในหนังแนวไสยศาสตร์ หรือแม้แต่คำแช่งด่าที่ลอยมาตามลม.
แล้วทีนี้คงพอนึกออกแล้วรึยังครับ ว่า ก้อนหินทุกก้อนบนโลก คือตู้ไปรษณีย์ดีๆนี่เอง. แล้วควรทำอย่างไรกับก้อนหินดีครับ เมื่อกลายเป็นงานศิลปะ..
ผมขออธิบายในฐานะคนที่อยู่ไกล้ชิดกับก้อนหินมากที่สุด ณ เวลานี้. จากระยะเวลาที่ทำงานศิลปะบนก้อนหินมาหลายสิบปี สรุปได้ว่า. ก้อนหินทุกก้อนบนโลกมีที่มาและเจ้าของครับ ดังนั้น การที่ใครก็ตามเวลาเจอก้อนหินสวยๆตามพื้นดิน,ในห้วยหนองคลองบึง แล้วเสือกเก็บกลับบ้านด้วยอาการของขโมย คนๆนั้นมีสิทธิ์ได้รับสารจากเจ้าของเดิมครับ.(ขอย้ำว่า..ด้วยอาการของขโมย)
แน่นอน ย่อมไม่ใช่คำอวยพรเป็นแน่ เพราะจิตที่ขุ่นมัว ย่อมชักนำกระแสความขุ่นมัวเข้าหากัน ทีนี้ผลที่ตามมาก็คงไม่ต้องอธิบาย. นี่เป็นกฏแห่งกรรมพื้นฐานของจักรวาล.
ผมมีอยู่เคสหนึ่งจะเล่า.. หลายปีมาแล้วที่ลูกค้าชาวต่างชาติรายหนึ่งซื้อก้อนหินเพ้นท์ไป เธอใช้ความพยายามในการต่อรองราคาขั้นเทพย์จนแทบจะเรียกว่าได้ไปฟรีๆแบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่งเลยทีเดียว เวลานั้นผมใจอ่อน ยอมให้ไปโดยที่ในใจยังติดค้างอยู่นิดๆว่าเสียดาย รู้สึกเหมือนโดนปล้น. พอต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป วันรุ่งขึ้นได้รับข่าวว่าเธอประสบอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนตัวประสานงากันกับรถกระบะ สภาพรถพังยับเยิน. แต่เธอรอดชีวิต สรุปคือข้าวของกระเด็นหายกระจัดกระจายและก้อนหินก้อนนั้นก็หายไปด้วย สรุปว่า ไม่สามารถเอาก้อนหินก้อนนั้นออกไปจากนอกราชอาณาจักรไทยได้
ตั้งแต่นั้นมา ผมจึงเอาบทเรียนนี้มาใช้เพื่อแก้ปัญหาที่จะตามมากับลูกค้านักต่อราคาทั้งหลาย. โดยจะไม่ยอมขายให้ใครเป็นอันขาดถ้าผมมีจิตคิดเสียดาย เพราะถือเคล็ดว่า ให้ของเลือกคน ไม่ใช่ให้คนเลือกของ ถ้าคนๆนั้นมีบุญสำพันธ์กับของเขาก็จะได้ไป ถือเป็นด่านทดสอบแรกในการวัดใจ. ดังนั้นผมจึงไม่พยายามยัดเยียดของให้กับใคร จะไม่ขายให้ใครพร่ำเพรื่อ ใช้หลักที่ว่า ใครคู่ควรก็ได้ไป จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบส่งกลับทางไปรษณีย์เหมือนในข่าว. (ดังนั้นขอความกรุณาอย่าต่อราคาลองใจกัน 555). นี่ขนาดเป็นการซื้อขายอย่างถูกต้อง มีแหล่งที่มาของก้อนหินที่จัดเป็นโซนอนุญาตให้ซื้อขายได้ ไม่ผิดกฏหมาย ยังต้องระวังอาถรรพ์ขนาดนี้ แล้วจะนับประสาอะไรกับก้อนหินที่ขโมยมาจากอุทยาน.
จึงขอทิ้งท้ายว่า... บนโลกใบนี้ เต็มไปด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น หนึ่งคนก็หนึ่งดวงจิต ถ้ามีความรักความศรัทธาเป็นแสงนำทาง และมีปัญญาทัดเทียมกันแล้วก็ไม่ยากที่จะส่งสารผ่านดวงจิตหนึ่งสู่อีกดวงจิตหนึ่งได้โดยไร้คำพูดใดๆและไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย
เพียงใช้หัวใจสำผัส...เพราะปาฏิหาริย์อยู่ในตัวคุณ.
"ช้างในรอยหิน"
5/11/62
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
https://www.youtube.com/user/phassawee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น